Ethereum 2.0 คืออะไร? ทำไมถึงจะยกระดับโลก Crypto
Ethereum 2.0 ที่จะเปลี่ยนจาก Proof of work เป็น Proof of stake สู่อีกขั้นแห่งโลก Crypto
Ethereum 2.0 จะเป็นการอัพเดทจากเดิมที่เป็น Proof of work และกำลังจะเปลี่ยนเป็น Proof of stake ซึ่งจะมีการอัปเกรดเป็น EIP-1559 ที่จะทำให้ค่าทำเนียมถูกลงกว่าค่าธรรมเนียมที่ใช้กันแบบเดิมถึง 10 เท่าโดยประมาณ รวมถึงเพิ่มความเร็วในการประมวลผลการทำธุรกรรมต่างๆ ให้มีความเร็วที่เพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันตัว Ethereum เองรองรับการทำธุรกรรมได้เพียง 15 ธุรกรรมต่อวินาที ซึ่งมันช้ามากสำหรับการทำธุรกรรมต่างๆบนตัว Ethereum ที่ใช้ระบบ Blockchain ในการทำงาน ซึ่งถ้าเราจะเปรียบเทียบกันชัดๆ ก็จะเปรียบกับตัวของ Visa ที่เป็นระบบดั้งเดิม แต่กลับรองรับการทำธุรกรรมต่างๆได้ถึง 20,000 ธุรกรรมต่อวินาที ฉะนั้นด้วยปัญหานี้เอง Ethereum จึงจำเป็นจะต้องแก้ไข และได้เริ่มพัฒนา Ethereum 2.0 ขึ้นมา
Ethereum นั้นได้เปิดตัวโดยมีเป้าหมายที่จะเป็น World Computer ซึ่งก็นับว่ามันประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากไม่ว่าจะในด้านมูลค่าของเหรียญ ETH เอง หรือ การสนับสนุนต่างๆ และการนำไปใช้งานในรูปแบบอื่นๆ และการที่มีโปรเจคมากมายที่สร้างบน Ethereum รวมไปถึงตัว DeFi เองที่มีเงินเข้ามา Lock up ไว้มากกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นไปอีกในอนาคต เพราะฉะนั้นแล้ว Ethereum เองจึงต้องรีบทำตัว Ethereum 2.0 ออกมาให้เร็วที่สุด โดยมีการวาง Phase ไว้ทั้งหมด 4 Phase ด้วยกัน
ซึ่งจะมีการทดสอบระบบไปเรื่อยๆ และถ้าเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีข้อผิดพลาด ก็จะเริ่มเปลี่ยนจาก Ethereum 1.0 กลายเป็น 2.0 โดยการค่อยๆ เพิ่มความยากในการแก้สมการหรือ การขุด Ethereum แบบเดิมที่เป็น Proof of work ให้เปลี่ยนมาเป็น Proof of stake หรือ Ethereum 2.0 ในที่สุด โดยตัว Vitalik เองได้กล่าวไว้ตั้งแต่ปี 2014 ว่าจะใช้เวลาประมาณ 10 ปี ในการพัฒนาจาก Ethereum 1.0 ไปเป็น Ethereum 2.0
และตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมาก็มีการพัฒนาระบบมาเรื่อยๆ และเราจะรู้ได้ไงว่าตอนนี้ได้พัฒนาไปถึง Phase ไหนแล้ว เราจะเริ่มเห็นภาพของ Ethereum 2.0 ได้ชัดขึ้นในตอนที่ Supply rate มีการลดลง 22% โดยประมาณ เพราะ Ethereum ในเวอร์ชั่นเดิมจะถูกขุดได้ประมาณวันละ 90 ETH แต่พอเปลี่ยนเป็น Proof of stake ก็จะกลายเป็น 70 ETH และทำให้มูลค่าของเหรียญ ETH เพิ่มสูงขึ้น
และเมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ตัว Ethereum 2.0 ก็จะมาเปลี่ยนแปลงการทำธุรกรรมต่างๆ และทำให้ Application ทั้งหลายที่ต้องการความเร็ว ความสามารถที่เพิ่มขึ้น มาอยู่บนแพลตฟอร์ม Ethereum และเมื่อถึงตอนนั้นก็จะมีเม็ดเงินมหาศาลเข้ามาใน Ecosystem ของ Ethereum และสุดท้าย Ethereum เองก็จะบรรลุเป้าหมายที่จะเป็น World Computer ได้สำเร็จอย่างที่ ตัว Vitalik ตั้งใจ