ค่า P/E คืออะไร ทำไมสายหุ้นต้องรู้

ค่า P/E เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์มูลค่าหุ้น ประเภทของค่า P/E ทั้ง Trailing และ Forward มีข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา เมื่อนำมาประยุกต์ใช้ในตลาดหุ้นไทย การวิเคราะห์ด้วยความซับซ้อนสามารถเสริมสร้างความมั่นใจในการลงทุน การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งจำเป็นในการปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน

ค่า P/E คืออะไร ทำไมสายหุ้นต้องรู้
ค่า P/E คืออะไร ทำไมสายหุ้นต้องรู้

การลงทุนในหุ้นเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการสร้างความมั่งคั่ง ค่า P/E หรือ Price-to-Earnings Ratio คือหนึ่งในเครื่องมือที่นักลงทุนใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้น ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่า P/E และแนวทางการลงทุนในหุ้น

ค่า P/E คืออะไร

ค่า P/E ย่อมาจาก Price-to-Earnings Ratio ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นักลงทุนใช้ในการวิเคราะห์ทางด้านปัจจัยพื้นฐานเพื่อประเมินมูลค่าของหุ้น ค่า P/E จะบอกว่าราคาของหุ้นมีค่ามากกว่ากำไรของบริษัทกี่เท่า โดยคำนวณจากราคาหุ้นปัจจุบันหารด้วยกำไรต่อหุ้น (Earnings Per Share - EPS) ของบริษัท ตัวอย่างเช่น หากบริษัท X มีราคาหุ้นอยู่ที่ 100 บาทต่อหุ้น และ EPS อยู่ที่ 10 บาทต่อหุ้น ค่า P/E จะเท่ากับ 100 ÷ 10 = 10

ในบริบทของการลงทุน ค่า P/E ถือเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญเนื่องจากมันสะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนในตลาดเกี่ยวกับการเติบโตของกำไรของบริษัท โดยทั่วไปแล้วค่า P/E สูงบ่งบอกถึงความคาดหวังที่สูงต่อการเติบโตในอนาคต ขณะที่ค่า P/E ต่ำอาจบ่งบอกถึงการเติบโตที่ช้าหรือการมีความเสี่ยงบางอย่างที่ต้องพิจารณา

ความสำคัญของค่า P/E ยังอยู่ในการประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน โดยนักลงทุนสามารถใช้ค่า P/E เพื่อเปรียบเทียบมูลค่าของหุ้นต่างๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือระหว่างอุตสาหกรรม เพื่อประเมินว่าหุ้นนั้นมีมูลค่าที่น่าสนใจหรือไม่ ค่า P/E ยังใช้ในการเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดทั้งหมดหรือช่วงเวลาก่อนหน้า เพื่อประเมินว่าสถานการณ์ของตลาดปัจจุบันเป็นอย่างไร

ประเภทของค่า P/E

ในตลาดหุ้น ค่า P/E สามารถจำแนกได้เป็นหลายประเภท เช่น Trailing P/E และ Forward P/E ซึ่งแต่ละประเภทก็มีวิธีการใช้งานและข้อดีข้อเสียต่างกันไป

Trailing P/E คือค่า P/E ที่คำนวณจากกำไรในอดีตมักใช้กำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ได้ค่าที่สะท้อนถึงศักยภาพการสร้างรายได้ของบริษัทในอดีต ข้อดีคือสามารถให้ข้อมูลว่าบริษัทมีประสิทธิภาพในการสร้างกำไรในอดีตมากน้อยเพียงใด ข้อเสียคือไม่สามารถทำนายอนาคตได้ชัดเจนเสมอไป เนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงในบริษัทอาจทำให้กำไรที่ผ่านมานั้นไม่ยั่งยืน

Forward P/E คำนวณจากกำไรที่คาดการณ์ในอนาคต มักใช้คาดการณ์กำไรใน 12 เดือนข้างหน้า ข้อดีคือสามารถประเมินมูลค่าของหุ้นจากการคาดการณ์ในอนาคต ซึ่งช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพที่ชัดเจนว่าจะลงทุนในหุ้นนี้ดีหรือไม่ ข้อเสียคือค่าตัวแปรคาดการณ์มักมีการปรับเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้งและขึ้นกับเกร็ดข้อมูลและสมมติฐานที่ไม่แน่นอนไม่เหมือนค่า P/E ตามอดีต

การใช้ค่า P/E ทั้งสองประเภทในการวิเคราะห์หุ้นนั้นจะช่วยให้เรามีมุมมองที่ครบถ้วน ทั้งในแง่ของผลประกอบการในอดีตและศักยภาพในอนาคต นักลงทุนที่มีความรอบคอบมักเลือกใช้งานทั้งสองประเภทเพื่อให้ได้การวิเคราะห์ที่มีความน่าเชื่อถือและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

การลงทุนในตลาดหุ้นไทย

การลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นเรื่องที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน การทำความเข้าใจตลาดหุ้นไทยเริ่มต้นจากพื้นฐานว่าตลาดหุ้นคือที่ที่บริษัทต่างๆ มาเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนจากนักลงทุนทั่วไป โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นศูนย์กลางที่สำคัญในการซื้อขายหุ้น

ตลาดหุ้นไทยแบ่งออกเป็นหลายประเภทของหุ้น เช่น หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นกู้ และใบสำคัญแสดงสิทธิการซื้อหุ้น หุ้นสามัญเป็นประเภทของหุ้นที่บ่งบอกถึงการเป็นเจ้าของส่วนแบ่งในบริษัท ส่วนหุ้นบุริมสิทธิจะมีสิทธิพิเศษในการรับปันผลก่อนหุ้นสามัญ หุ้นกู้คือการให้ยืมเงินแก่บริษัทเพื่อรับดอกเบี้ย และใบสำคัญแสดงสิทธิการซื้อหุ้นให้สิทธิ์แก่ผู้ถือในการซื้อหุ้นในอนาคต

ตามข้อมูลจาก SET ในปี 2564 ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 89,000 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลและสถิติจาก SET เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์เช่นค่า P/E ที่ได้กล่าวถึงในบทที่แล้ว นักลงทุนที่เข้าใจวิธีการทำงานของตลาดหุ้นไทยและรู้จักประเภทของหุ้นที่มีอยู่ จึงสามารถสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่มีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงได้

การวิเคราะห์หุ้นด้วย P/E

ค่า P/E หรือ Price to Earnings Ratio เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์หุ้น โดยค่า P/E เป็นการบอกถึงราคาหุ้นเมื่อเทียบกับผลกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทนั้นๆ ค่า P/E สะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนต่อกำไรในอนาคตของบริษัท โดยมีสูตรการคำนวณง่ายๆ คือ การนำราคาหุ้นปัจจุบันหารด้วยกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) จากรายงานการเงินล่าสุด

นักลงทุนสามารถประยุกต์ใช้ค่า P/E ในการวิเคราะห์หุ้นได้ทั้งในมุมมองระยะสั้นและระยะยาว **ในระยะสั้น** ค่า P/E ที่ต่ำอาจบอกได้ว่าหุ้นถูกประเมินค่าต่ำเกินไป แต่ก็อาจเป็นสัญญาณว่าคาดการณ์กำไรของบริษัทจะลดลง ในขณะที่ค่า P/E ที่สูงมากอาจบอกได้ว่าตลาดคาดหวังกับอนาคตของบริษัทสูงเกินควร ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการปรับฐานราคาในอนาคต

ในระยะยาว** นักลงทุนควรพิจารณาเงื่อนไขอื่นๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ เช่น ภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขันในอุตสาหกรรม และปัจจัยภายในบริษัทเช่น ความสามารถในการจัดการและนวัตกรรม นอกจากนี้ นักลงทุนควรใช้ค่า P/E เพิ่มเติมกับเครื่องมือการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจ เช่น วิเคราะห์งบการเงินและติดตามข่าวสารที่จะมีผลกระทบต่อบริษัท

การบริหารความเสี่ยงในการลงทุน

การบริหารความเสี่ยงในการลงทุน ในหุ้นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถรักษาผลตอบแทนที่คาดหวังโดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด นอกเหนือจากการใช้ค่า P/E ซึ่งสามารถให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับราคาและกำไรของบริษัท ยังมีเครื่องมืออื่นๆ ที่ช่วยในการประเมินความเสี่ยงได้อีกด้วย หนึ่งในนั้นคือการประเมินผลจาก ปัจจัยพื้นฐาน ของบริษัท เช่น การศึกษาอัตราการเติบโตของรายได้, กำไรสุทธิ, หนี้สิน และกระแสเงินสด การเข้าใจในปัจจัยพื้นฐานจะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

การ ดูแลพอร์ตการลงทุน ก็เป็นอีกเครื่องมือที่สำคัญ นักลงทุนควรจะมีแผนการดูแลพอร์ตการลงทุนที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการกระจายการลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัวหรือในตราสารทางการเงินอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยง

อีกหนึ่งประเด็นที่ควรให้ความสำคัญคือการ ตั้งเป้าหมายทางการเงิน ที่ชัดเจน เช่น การกำหนดกำไรที่ต้องการได้ หรือขีดจำกัดขาดทุนที่รับได้ การตั้งเป้าหมายจะช่วยให้นักลงทุนมีแนวทางในการดำเนินการที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด ทั้งหมดนี้จะช่วยให้การลงทุนในหุ้นมีความมั่นคงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

สรุป

ค่า P/E เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์มูลค่าหุ้น ประเภทของค่า P/E ทั้ง Trailing และ Forward มีข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา เมื่อนำมาประยุกต์ใช้ในตลาดหุ้นไทย การวิเคราะห์ด้วยความซับซ้อนสามารถเสริมสร้างความมั่นใจในการลงทุน การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งจำเป็นในการปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน

Read more