Bitcoin คืออะไร ?
Bitcoin เป็น Cryptocurrency ซึ่งเป็นเงินดิจิตอล ที่ไม่สามารถจับต้องได้จริง
Bitcoin คืออะไร ? ทำไมทุกคนถึงสนใจ และเป็นที่พูดถึงกันเป็นอย่างมาก
Bitcoin เป็น Cryptocurrency ซึ่งเป็นเงินดิจิตอล ที่ไม่สามารถจับต้องได้จริง Bitcoin ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยคนที่ใช้ชื่อว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ แล้วทำไมนาย ซาโตชินากาโมโตะ ถึงได้สร้าง Bitcoin ขึ้นมาล่ะ นั้นก็เป็นเพราะว่า นายซาโตชิ นากาโมโตะ อยากที่จะได้สกุลเงินที่เป็นสกุลเงินดิจิตอลอย่างแท้จริง ที่ไม่มีรัฐบาล ไม่มีธนาคาร หรือใครที่สามารถมาควบคุมได้ จึงได้มี Bitcoin เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ แต่พอมี Bitcoin ขึ้นมาแล้วก็มีคำถามตามมาทันที่ว่าในเมื่อไม่มีธนาคาร หรือ ตัวกลางแล้ว แล้วเราจะเชื่อใจสิ่งนี้ได้ยังไง ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ให้ทุกคนลองคิดตามดูว่าในระบบมีคนอยู่ 10 คน และ 10 คนนี้ ช่วยกันยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ทุกคนมีข้อมูลเหมือนกันหมดเลย แต่ว่ามีคนนึงพยามปลอมข้อมูลขึ้นมา เพื่อทำอะไรสักอย่าง และวิธิการตรวจสอบก็คือ ทุกคนก็จะเอาข้อมูลของแต่ละคนมาเปรียบเทียบกันดู ว่าใครที่มีข้อมูลที่ต่างจากเพื่อน แค่นี้เราก็จะรู้ได้ว่าคนนั้นมีข้อมูลที่ไม่ตรงกับเพื่อนๆ ข้อมูลนั้นผิด ไม่ยอมรับ และนี้ก็คือหลักการที่ Bitcoin ใช้นั้นเอง และทำไมเราถึงเลือกใช้ Bitcoin ล่ะ
ก่อนอื่นเลยเราต้องย้อนกลับไปว่าเงินเกิดขึ้นมาได้ยังไงก่อน เพราะไม่ว่าเราจะเป็นใคร หรือทำอะไรอยู่ก็ตาม เงินคือสิ่งที่มีผลกับเราในแทบจะทุกรูปแบบต่อเรา เงินเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน เป็นตัวกลางที่ทำให้การส่งออกหรือการทำธุรกรรมต่างๆ ดำเนินไปได้ ซึ่งตัวกลางที่เราเรียกกันว่าเงินนี้มีการเปลี่ยนแปลง ทุกๆ 50 ปี โดยประมาณ
ซึ่งทุกๆคนจะคิดว่า เงินที่เราใช้มันก็คือกระดาษที่เราทุกคนเอาไว้แลกเปลี่ยนเป็นตัวกลางอย่างเดียวแต่จริงๆแล้วถ้าเราย้อนกลับไปในยุคก่อนที่จะมีเงินกระดาษเราก็จะพอเข้าใจว่าสิ่งที่เราเรียกกันว่าเงิน หรือ สิ่งที่เราเอามาแลกเปลี่ยนกันแล้วให้มูลค่ามันเนี่ย มันเกิดขึ้นมายังไง ต้นกำเนิดแนวความคิดของเงินที่เราใช้ในปัจจุบันนี้ เกิดขึ้นมาจากสิ่งที่เราให้มูลค่ากับมัน ซึ่งในยุคก่อน เราใช้เปลือกหอยเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน หรือทองคำ ในยุคโกลด์สแตนดาร์ด และเกิด Depression เป็นเวลายาวประมาณ 10 ปี และต่อมาก็ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1939 - 1945 พอสงครามจบลง อเมริกาได้ขึ้นเป็นมหาอำนาจของโลก และได้ก่อตั้ง IMF ก่อตั้ง World Bank และได้เปลี่ยนจากการที่ใช้ทองคำ มาเป็นเงินดอลลาโดยที่ไม่ต้องมีทองคำมาเป็นแบคหลังของการปริ้นเงิน ที่เป็นหลักคำประกันอีกต่อไป และ หลังจากนั้นก็ได้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Fiat money เพราะงั้นถ้าลองมาสรุปคร่าวๆจะพบว่า โลกการเงินจะเปลี่ยนทุกๆ 50 ปี โดยประมาณ เมื่อนับตั้งแต่ปี 1929 มาปี 1971 แล้วมาเป็นปัจจุบัน ปี 2021 ที่เริ่มมีการใช้เงินดิจิตอลมากขึ้น ไทยเราเองก็จะมีดิจิตอลบาท จีนก็จะมีดิจิตอลหยวน แม้แต่ในยุโรปเองก็จะมีดิจิตอลยูโร ถ้าจะให้เห็นภาพมากขึ้นเราก็จะมาดูแผนผังการใช้จ่ายนี้กัน
- แผนผังแสดงการใช้เงินในแต่ล่ะรูปแบบ
และนี่แสดงให้เราเห็นว่าคนใช้จ่ายออนไลน์หรือดิจิตอลมากขึ้น และ การกดเงินสดน้อยลง แล้วเพื่อนๆรู้มั้ยว่า เงินกระดาษที่เราใช้มีการเรียกระบบการเงินนี้ว่าอะไร ?
- ชื่อที่เราเรียกระบบการเงินแบบเก่าที่เราใช้อยู่ เรียกว่า ระบบ "Centralize"
ระบบ Centralize เป็นการเก็บข้อมูลไว้ที่เดียวแต่ Bitcoin ที่กำลังเป็นที่ฮอตฮิตในตอนนี้ เป็น ระบบการเงินแบบ "Decentralized" และระบบ Decentralized เป็นการเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ นั่นหมายความว่าทุกคนคือคนเก็บข้อมูล และด้วยระบบนี้ Bitcoin จึงได้เกิดขึ้นในปี 2008 โดยนายซาโตชิ นากาโมโตะ โดยบิทคอยแอปพลิเคชันได้ถูกนำออกมาใช้ครั้งแรกในช่วงต้นปี 2009 เป็นครั้งแรก แล้วพอผ่านมา 10 ปี เราก็จะเห็นได้ว่า โลกการเงินที่เปลี่ยนยากมากในอดีต พอมาเป็นปัจจุบันนี้ มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว เพราะมันมีการโตแบบก้าวกระโดด และ Bitcoin จะมีการปรับฐานในรูปแบบนึงในทุกๆ 4 ปี ซึ่งในวงการ Bitcoin ก็จะมีหนึ่งสิ่งที่สำคัญ ที่เรียกกันว่า Bitcoin Halving ถ้าพูดให้เข้าใจกันง่ายๆ คือ จำนวนที่ขุด Bitcoin ขุดออกมาได้จะถูกหารครึ่ง ในทุกๆ 4 ปี Algorithm จะกำหนดให้ Bitcoin มีทั้งหมดเพียง 21 ล้าน Bitcoin เท่านั้น และการขุด Bitcoin ขึ้นมาแล้วโดนหาร ครึ่งในทุกๆ 4 ปีนี้จะไปจบในปี 2140 และ เหตุการณ์ Halving นี้ได้เกิดมาแล้ว 3 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 2013 ที่เกิด Halving ครั้งแรก
Bitcoin ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาถือได้ว่าดป็นเทรนของโลก
- กราฟการเติบโต Bitcoin